วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บทความที่ 5 สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดยโสธร

สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดยโสธร

"พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก"


 เรียกได้ว่าฮิตข้ามคืนเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เรากำลังตื่นเต้นกับมิวเซียมแห่งใหม่ที่จังหวัดยโสธร กับ "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" ที่มีหลายคนนำไปเทียบกับเมอร์ไลออนสิงคโปร์นั้น (แห่ตื่นเต้นตึกคางคกแห่งใหม่ เชื่อสู้กับเมอร์ไลออน สิงคโปร์สบาย) มีคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยถึงความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ กระปุกดอทคอมจึงแวะไปรวบรวบเอาข้อมูลของแลนด์มาร์กสุดฮิตแห่งนี้มาให้ชมกันค่ะ

             นายสาคร ชนะไพฑูรย์ รักษาการผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) อธิบายถึงการก่อสร้าง "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" ว่า ทางจังหวัดยโสธรมีโครงการสร้างพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับตำนานบั้งไฟ ซึ่งเป็นประเพณีที่โดดเด่นของจังหวัดยโสธร แต่ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องของนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ และได้ปรึกษากับ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตเมื่อ 30 เมษายน 2557 ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงมอบหมายให้ อพวช. เข้าไปดูแลและจัดทำนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์

 โดย "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" ถือเป็นพิพิธภัณฑ์แรกใน 3 พิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับประเพณีบุญบั้งไฟที่ได้รับงบประมาณในการก่อสร้างก่อน โดยพิพิธภัณฑ์ที่เหลือ คือ พิพิธภัณฑ์พญาแถน และพิพิธภัณฑ์พญานาคตามลำดับ ซึ่งตามตำนานและเรื่องเล่าไว้ว่า "พญาคันคาก" เป็นโอรสของกษัตริย์แต่มีผิวพรรณเหมือนคางคก ซึ่งภาษาอีสานเรียกว่า "คันคาก" แต่ด้วยมีบุญญาธิการมากจึงได้รับการช่วยเหลือจากพระอินทร์ รวมทั้งเป็นที่นับถือของชาวบ้าน ซึ่งตามตำนานชาวอีสานเชื่อว่าโลกมีโลกมนุษย์และโลกเทวดา โดยโลกมนุษย์อยู่ใต้โลกเทวดา และเรียกเทวดาว่า "แถน" ส่วนฟ้าฝนหรือลมนั้นเป็นอิทธิพลของแถน การที่พญาแถนไม่ปล่อยฝนให้ตกลงบนโลกมนุษย์ทำให้พญาคันคาก อาสานำสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง, ม้า, วัว, ควาย, ปลวก, ผึ้ง และต่อแตน ขึ้นไปรบกับพญาแถนจนชนะ และปล่อยให้ฝนตกตามเดิม แต่มีข้อแม้ว่าต้องจุดบั้งไฟขึ้นไปบอกกล่าวทุกปี จนกลายมาเป็นที่มาของประเพณีบั้งไฟในปัจจุบัน

             สำหรับ "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" หรือบางคนอาจจะเรียกว่า "พิพิธภัณฑ์พญาคางคก"ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทวน มีลักษณะโดดเด่นสุด ๆ ด้วยตัวตึกคางคกสูงเท่าตึก 5 ชั้น ถือเป็นพิพิธภัณฑ์รูปร่างสุดแปลกในประเทศไทยที่สอดแทรกตำนานเกี่ยวกับพญาคางคกและบั้งไฟ ที่เป็นเรื่องเล่าที่เป็นตำนานพื้นเมืองของชาวอีสาน แถมยังสอดแทรกเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์และความหลากหลายทางชีวภาพ ภายในมีนิทรรศการบอกเรื่องเกี่ยวกับที่มาของบั้งไฟโดยมีการจัดฉายเป็นภาพยนตร์ 4 มิติ และนิทรรศการเกี่ยวกับคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ในเมืองไทย ที่มีอยู่กว่า 20 ชนิด ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ อพวช. ร่วมศึกษากับมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งมีการเพิ่มการจัดแสดงคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ทั่วโลก ซึ่งมีกว่า 500 ชนิดร่วมด้วย

 นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่รวบรวมของดีทางด้านเกษตรกรรมของเมืองยโสธรไว้ภายในพิพิธภัณฑ์ รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอื่น ๆ เกี่ยวกับจังหวัดยโสธร เช่น จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดที่เกิดขึ้นก่อนจังหวัดอื่น ๆ ในอีสานใต้ ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีชื่อว่า "ยศโสธร" ก่อนย่อเป็นยโสธร หรือเป็นจังหวัดที่มีข้าวหอมมะลิอร่อยที่สุดในประเทศไทย และอีกหนึ่งนัย คือ จากตำนานบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องการเกษตร, วัฒนธรรม และความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย

 ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมชม "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" ต้องอดใจรอกันสักนิด เพราะขณะนี้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาถ่ายรูปความสวยงามของ ตึกอาคารคางคกได้ทุกวัน สอบถามความเคลื่อนไหวของสถานที่ได้จาก เฟซบุ๊ก คน-ยโสธร

บทความที่ 4 ความรู้ทางวิชาการ

ความรู้ทางวิชาการ

ความหมายของอุปสงค์และอุปทานและกฎของอุปสงค์และอุปทาน

อุปสงค์ หมายถึง ความต้องการสินค้าและบริการ โดยอุปสงค์สำหรับสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่ง หมายถึงจำนวนต่างๆของสินค้าและบริการชนิดนั้น ที่ผู้บริโภคต้องการซื้อในระยะเวลาใด เวลาหนึ่ง ณ ระดับราคาต่างๆของสินค้า และบริการชนิดนั้น
ความต้องการในแง่ของอุปสงค์นี้เป็นความต้องการที่มีอำนาจซื้อ คือ เมื่อผู้บริโภคต้องการจะซื้อก็จะต้องมีเงินเพียงพอ และมีความเต็มใจที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าบริการนั้นๆด้วย จึงจะถือว่าเป็นอุปสงค์สำหรับสินค้าและบริการ
กฎของอุปสงค์ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณความต้องการสินค้าและบริการของผู้บริโภคแปรผกผันกับระดับราคาของสินค้าและบริการชนิดนั้นเสมอ กล่าวคือ ถ้าราคาสินค้าและบริการมีระดับราคาสูงขึ้นจะทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อสินค้าลดลง แต่ถ้าระดับราคาสินค้าและบริการลดลง จะทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น
อุปสงค์หรือปริมาณความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ จะขึ้นอยู่กับราคาของสินค้าและบริการ รายได้ของผู้บริโภค รสนิยมของผู้บริโภค ราคาของสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งฤดูกาลของสินค้าด้วย
การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ หมายถึง การที่ตัวกำหนดโดยตรง คือราคาของสินค้าได้เปลี่ยนแปลงไป อันมีผลทำให้ปริมาณซื้อเปลี่ยนแปลงไปตามกฎของอุปสงค์เดิม อุปสงค์หรือความต้องการนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังต่อไปนี้
– การเปลี่ยนแปลงต่อรายได้ คือ เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น อำนาจการซื้อจะเพิ่มขึ้น
– การเปลี่ยนแปลงต่อราคา ในกรณีที่มีรายได้เท่าเดิม แต่ราคาของสินค้าเปลี่ยนแปลงไป อุปสงค์จะมีการเปลี่ยนแปลงตาม กฎของอุปสงค์ คือ เมื่อราคาของสินค้าเพิ่มขึ้นจะลดปริมาณการซื้อลง แต่เมื่อราคาสินค้าลดลงจะเพิ่มปริมาณการซื้อสินค้ามากขึ้น
อุปทาน หมายถึง อุปทานของสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่ง คือ ปริมาณสินค้าหรือบริการที่ผู้ขายต้องการจะเสนอขาย ณ ระดับราค่างๆในช่วงเวลาใด เวลาหนึ่ง
ในการเสนอขายสินค้าของผู้ผลิตหรือผู้ขายในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งนั้น ถ้าระดับสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลา หรือการกำหนดราคาของตลาด จำนวนสินค้าและบริการที่จะนำเสนอขายก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย กล่าวคือ ถ้าราคาสินค้าและบริการในตลาดช่วงเวลานั้น มีระดับราคาสูง ผู้ผลิตหรือผู้ขายก็จะผลิตหรือนำเสนอขายเป็นจำนวนมาก แต่ในช่วงเวลาที่สินค้าและบริการในตลาดลดลง หรือขายได้ในราคาต่ำ ผู้ผลิตหรือผู้ขายก็จะไม่นำสินค้าออกมาเสนอขาย หรือลดจำนวนขายลง
กฎของอุปทาน คือ เมื่อราคาสินค้าที่เสนอขายนั้นสูงขึ้น ผู้ขายก็จะนำสินค้าออกขายในปริมาณมาก แต่เมื่อราคาสินค้าที่เสนอขายนั้นลดลงผู้ขายก็จะนำสินค้าออกขายในปริมาณลดลง
อย่างไรก็ตาม การเสนอขายสินค้าและบริการไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาอย่างเดียว แต่การเสนอขายสินค้ายังขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการผลิต ราคาปัจจัยการผลิต สภาพดินฟ้าอากาศ จำนวนผู้ผลิต และอื่นๆอีกมาก

บทความที่ 3 ดารานักเเสดงที่ชื่นชอบ


ดารานักเเสดงที่ชื่นชอบ



ประวัติ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์

ชีวิตช่วงต้น

พงษ์สิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 ที่อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย มีชื่อเล่นว่า ปู โดยมีพ่อเป็นผู้ช่วยแพทย์ในโรงพยาบาล ที่อยู่ใกล้บ้าน พงษ์สิทธิ์เริ่มสนใจดนตรีและกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่วัยเด็ก และภายหลังจากที่เรียนจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคารแล้ว พงษ์สิทธิ์ก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดขอนแก่น เพื่อสอบเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคนิคไทย-เยอรมัน (ปัจจุบันเป็น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น) แต่กลับต้องผิดหวัง เพราะวันประกาศผลสอบกลับไม่มีชื่อของเขา พงษ์สิทธิ์จึงตัดสินใจสมัครเรียนในโรงเรียนเอกชนชื่อ โรงเรียนช่างกลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ปัจจุบันเป็น วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เพื่อไม่ให้เสียเวลาและเป็นการเตรียมพร้อมในการสอบคราวหน้า หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งปี จึงได้เข้าสมัครสอบที่วิทยาลัยเทคนิคไทย-เยอรมันอีกครั้ง และครั้งนี้ พงษ์สิทธิ์ก็ไม่ผิดหวัง ช่วงมาเรียนที่นี้ พงษ์สิทธิ์ได้เข้ามาเป็นนักฟุตบอลของวิทยาลัย รวมทั้งฝึกการเล่นกีตาร์ไปพร้อมกัน ถึงขนาดแต่งเพลงไว้หลายบทเพลงด้วยกัน จนกระทั่งได้มีโอกาสร่วมเล่นดนตรีกับวงดนตรีรุ่นพี่ในวิทยาลัย ชื่อวง รีไทร์ ในตำแหน่งมือกีตาร์ และนั้นก็เป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นของการเป็นนักดนตรีของพงษ์สิทธิ์ (ช่วงนี้ วงรีไทร์ ไดมีโอกาสเล่นเป็นวงเปิดให้กับศิลปินเพื่อชีวิต อย่าง ฅาราวาน และ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ทำให้พงษ์สิทธิ์ ได้มีโอกาสทำความรู้จัก และฅาราวานก็เป็นวงแม่แบบให้กับพงษ์สิทธิ์ตลอดมา)
ภายหลังจากจบการศึกษาในระดับ (ปวช.) แผนกช่างกลโรงงาน พงษ์สิทธิ์ก็เดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร โดยมาพักอยู่กับ ซู - ระพินทร์ พุฒิชาติ และ ปราโมทย์ ม่วงไหมทอง (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ซึ่งต่อมาเป็นสมาชิกวงซูซู ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นนักดนตรีอย่างเต็มตัว โดยมีนักดนตรีที่เคารพนับถือและชื่นชอบอยู่ 2 ท่าน คือ หงา - สุรชัย จันทิมาธร และเล็ก - ปรีชา ชนะภัย ที่คอยให้คำปรึกษา ให้ความช่วยเหลือ จนในระยะแรกก็ได้มาร่วมงานกับวงฅาราวานโดยเป็นนักดนตรีแบ็คอัพในตำแหน่งมือเบส และมีโอกาสได้ทัวร์ คอนเสิร์ตสันติภาพในประเทศกัมพูชา รวมทั้งคอนเสิร์ตที่ประทับใจอีกแห่ง คือ ปูวิชยาคาน คอนเสิร์ตนครวัด
จนกระทั่งในที่สุดก็ได้ออกอัลบั้มชุดแรกในปี พ.ศ. 2530 ชื่อชุด ถึงเพื่อน กับบริษัทบัฟฟาโล เฮด ที่มีสมาชิกวงคาราบาวเป็นผู้ดูแล และได้ สุเทพ ปานอำพัน (เอ็ดดี้ ซูซู) มาช่วยอีกแรงหนึ่ง ด้วยงานชุดนี้ไม่ถือว่าประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก แต่ก็มีเพลงฮิตอย่าง ถึงเพื่อนเรียนและงาน ที่ถูกเปิดให้ได้ยินกันบ่อย ๆ ในยุคนั้น

ตำนานเพลงเพื่อชีวิตรุ่นที่ 3

พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี พ.ศ. 2533 จากเพลง ตลอดเวลา ในอัลบั้ม เสือตัวที่ 11 ซึ่งออกกับค่าย รถไฟดนตรี พร้อมทั้งได้ทำเพลงประกอบละคร ตะวันชิงพลบ ซึ่งได้มีโอกาสที่จะนำเพลงดังกล่าวไปบรรจุรวมอยู่ในอัลบั้ม บันทึกการเดินทาง ด้วย แต่ติดอยู่ตรงที่ปัญหาทางด้านลิขสิทธิ์เพลง จึงจำเป็นต้องถอดออกภายหลัง แต่พงษ์สิทธิ์ได้นำเพลง โรงเรียนของหนู มาใส่ไว้แทน และเป็นอัลบั้มที่แฟนเพลงรู้จักมากขึ้นหลังจากออกวางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น คิดถึง, โรงเรียนของหนู, เธอ...ผู้เสียสละ, ไทรโศก, แม่ เป็นต้น
พงษ์สิทธิ์มีชื่อเล่นว่า ปู แต่บางครั้งแฟนเพลงจะนิยมเขาว่า คำภีร์ ตามชื่อนามสกุลที่เจ้าตัวเรียกตัวเองในแต่ละอัลบั้ม โดยในปี พ.ศ. 2535 พงษ์สิทธิ์ก็ออกอัลบั้มชุด มาตามสัญญา มีเพลงที่เป็นที่รู้จักกันคือ สุดใจไถ่เธอคืนมา และ มาตามสัญญา ที่ได้เล็ก - ปรีชา ชนะภัย ศิลปินรุ่นพี่ที่พงษ์สิทธิ์ชื่นชอบมาร่วมร้องอีกด้วย โดยช่วงปีนั้น พงษ์สิทธิ์ได้รับความนิยมสูงสุด จนได้รับฉายาว่า ตำนานเพลงเพื่อชีวิตรุ่นที่ 3 (ต่อจาก ฅาราวาน และ คาราบาว) หรือ เจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิต
หน้าปกอัลบั้ม ปลั๊กหลุด อัลบั้มอะคูสติกที่ออกร่วมกับเล็ก - ปรีชา ชนะภัย (พ.ศ. 2536)
พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เป็นนักร้องที่มีโทนเสียงไพเราะ มีลูกคอก้องกังวาล เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นเพลงที่เป็นที่นิยมและรู้จักของแฟนเพลงมาจนถึงปัจจุบัน มักจะเป็นเพลงช้า เนื้อหาซึ้ง ๆ บรรยายถึงความรักหรือความเหงาเป็นต้น ตามรายชื่อดังที่ได้กล่าวมาในข้างต้น และในส่วนของเพลงเร็ว ที่เป็นที่รู้จักกันดีได้แก่ หนุ่มน้อยยอดชายทองดีทองเคนักแสวงหาม.ให้อะไรอีกคนหนึ่งบันทึกคนถนนแรงยังมี เป็นต้น
ปัจจุบัน ด้วยสภาพกระแสดนตรีในประเทศไทยเปลี่ยนไป จึงทำให้ชื่อเสียงและผลงานของพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เริ่มสร่างซาความนิยมและกล่าวถึงลง แต่พงษ์สิทธิ์ก็ยังได้ผลิตงานออกมาเป็นระยะ ๆ และผลงานเพลงในสมัยที่ยังโด่งดังสุดขีดก็ยังคงเป็นที่นิยมของกลุ่มแฟนเพลงเพื่อชีวิตอยู่เหมือนเดิม

คอนเสิร์ต

ภายหลังจากเข้ามาอยู่กับค่าย รถไฟดนตรี พงษ์สิทธิ์จึงได้เปิดการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของตนเองขึ้นในปี พ.ศ. 2536 โดยใช้ชื่อว่า ปิด-เปิดสัญญา ณ ดาดฟ้าลานจอดรถ ห้างฟอร์จูนทาวน์ รัชดา (ซึ่งก่อนหน้า พงษ์สิทธิ์เคยได้มีคอนเสิร์ตร่วมกับหงา - สุรชัย จันทิมาธร กับคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า อคูสติกคอนเสิร์ตนี้ไม่มีเหงา ในปี พ.ศ. 2534) ตามด้วยคอนเสิร์ต อันปลั๊ก ที่ได้ร่วมงานกับเล็ก - ปรีชา ชนะภัย ในปีเดียวกัน และต่อมาในปี พ.ศ. 2537 พงษ์สิทธิ์ได้มีการย้ายค่ายเพลงมาอยู่กับ เอ็มสแควร์ และออกอัลบั้ม เราจะกลับมา พร้อมมีการจัดคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า อคูสติกคอนเสิร์ต ดนตรี กลางแจ้ง ผ้าแดง และคำภีร์ โดยมีศิลปินรับเชิญ อย่างเล็ก - ปรีชา ชนะภัย และ หงา คาราวาน มาสร้างสีสันและควานสนุกให้กับแฟนเพลง
ปี พ.ศ. 2541 พงษ์สิทธิ์ได้ร่วมงานกับ แอ๊ด - ยืนยง โอภากุล เป็นครั้งแรก ในคอนเสิร์ตใหญ่ที่มีชื่อว่า คอนเสิร์ต 3 ตำนานเพื่อชีวิต ร่วมกับหงา - สุรชัย จันทิมาธร โดยมีวงออร์เคสตรา BSO (วงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ) เป็นวงแบ็คอัพ โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นการนำศิลปินเพื่อชีวิต ทั้ง 3 ยุค มาเล่นบนเวทีเดียวกันเพื่อบันทึกรอยต่อสำคัญของทั้ง 3 ศิลปินในด้านต่าง ๆ หรือจะเป็นคอนเสิร์ตการกุศลอย่าง คอนเสิร์ต หัวใจสีขาว โดยที่รายได้ส่วนหนึ่งจะมอบให้มูลนิธิ ธรรมรักษ์ วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี จนกระทั่งในช่วงเวลาครบรอบ 15 ปี บนถนนสายดนตรีของพงษ์สิทธิ์ ก็ได้จัดคอนเสิร์ต 15 ปี คำภีร์ เต็มขั้น ขึ้นในปี พ.ศ. 2545 รวมทั้งพงษ์สิทธิ์ ยังได้จัดทำโครงการช่วยเหลือสังคม คือ โครงการห้องสมุด คำภีร์ เพื่อเด็กในชนบท อีกด้วย
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2549 พงษ์สิทธิ์ได้ย้ายมาอยู่กับ วอร์นเนอร์ มิวสิก ไทยแลนด์ รวมทั้งได้ออกอัลบั้ม บันทึกคนบนถนน และมีคอนเสิร์ต 19 เข้า 20 เสือออกลาย ซึ่งเป็นการแสดงคอนเสิร์ตในโอกาสย่างเข้าสู่ทศวรรษที่สองในการทำงานดนตรีของตัวเอง โดยมีหงา - สุรชัย จันทิมาธร, เล็ก - ปรีชา ชนะภัย, อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และ ฝน ธนสุนทร เป็นแขกรับเชิญ และในวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 พงษ์สิทธิ์ได้เปิดการแสดงคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่า ฮักเสี่ยว ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) โดยมี - ยืนยง โอภากุลปาล์มมี่ และ อพาร์ทเม้นท์คุณป้าร่วมเป็นแขกรับเชิญ [1] และวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553 ได้แสดงคอนเสิร์ต อยู่อย่างสิงห์ ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยมี ชาตรี คงสุวรรณ มือกีตาร์ระดับเทพ ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้วสินเจริญ บราเธอร์สณัฐฐาวีรนุช ทองมี และ ชุมพล เอกสมญา ลูกชายคนโตของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ร่วมเป็นแขกรับเชิญพิเศษ[2] ถัดมาในปี พ.ศ. 2554 พงษ์สิทธิ์ ได้กลับมาอีกครั้ง กับคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่าSingha Presents Pongsit Kampee Live by Request @ Saxophone ซึ่งจัดขึ้นที่แซกโซโฟน ผับ เพราะเป็นสถานที่ ๆ มีความผูกพันของพงษ์สิทธิ์เอง และการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ มีการจำกัดจำนวนแฟนเพลงตัวจริงไว้ที่ 100 ท่านเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายบัตร และเพื่อที่จะได้มีการสื่อสารระหว่างพงษ์สิทธิ์กับแฟนเพลงได้อย่างทั่วถึง โดยการแสดงครั้งนี้จัดในรูปแบบอะคูสติกส์ และเล่นด้วยเครื่องดนตรีไฟฟ้า เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับแฟนๆ อย่างเต็มที่ รวมไปถึงการพูดคุย ไต่ถาม ความเป็นไป ความรู้สึกต่างๆ กับแฟนเพลงได้อย่างใกล้ชิดและเปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้ขอบทเพลงต่างๆ ที่อยากฟังกันอย่างเต็มที่ สมกับเป็น Live by Request หรือ สดตามคำขอ นอกจากนี้ยังให้แฟนๆ ที่มีความสามารถขึ้นมาร่วมเล่นกีตาร์ร้องเพลงกับพงษ์สิทธิ์อย่างเป็นกันเองอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2555 พงษ์สิทธิ์ ได้ออกงานอัลบั้มมีชื่อว่า 25 ปี (มีหวัง) ตามการครบรอบ 25 ปี บนถนนสายดนตรีของพงษ์สิทธิ์ และได้มีการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตการเป็นศิลปินของพงษ์สิทธิ์ กับคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า หัวใจเพื่อชีวิต 25 ปี พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ รักกัน…ตลอดเวลา ที่พร้อมมอบความสุขแทนคำขอบคุณให้กับแฟนเพลงใน 7 จังหวัดทั่วประเทศ ในการแสดงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของทัวร์คอนเสิร์ต ณ ลานแอกทีฟสแควร์ เมืองทองธานี ในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ได้มีการชุมนุมและทำร้ายร่างกายของกลุ่มผู้มาร่วมคอนเสิร์ตจำนวนหนึ่ง จนทำให้ต้องยุติการแสดงลงกลางคัน[3] แต่แล้วการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ที่จะต้องต่อให้จบก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556 ณ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ซึ่งเป็นการปิดท้ายงานครบรอบ 25 ปี พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ที่เริ่มกันมาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2555 อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีสองศิลปินระดับตำนาน หงา - สุรชัย จันทิมาธร และเล็ก - ปรีชา ชนะภัย รวมทั้ง เป้ - อารักษ์ อมรศุภศิริ อดีตมือกีต้าร์วงสเลอ และศิลปินรุ่นใหม่ที่ยกให้พงษ์สิทธิ์เป็นศิลปินในดวงใจ ขึ้นมาร่วมแจมกับพงษ์สิทธิ์บนเวทีด้วย และในวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556 ที่โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ พงษ์สิทธิ์ได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกับเล็ก - ปรีชา ชนะภัย อีกครั้งกับอะคูสติก คอนเสิร์ต ปลั๊กหลุด 2 ตอน เสียบปลั๊ก (สดใส...ไม่อึกทึก) ซึ่งเป็นการครบรอบ 20 ปี ของอัลบั้มปลั๊กหลุดอีกด้วย โดยจำกัดผู้ชมเพียง 600 ท่านเท่านั้น เพื่อความใกล้ชิดและเป็นกันเอง
และภายหลังในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 พงษ์สิทธิ์ก็ได้มีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งตามคำเรียกร้องจากแฟนเพลง กับคอนเสิร์ตโรแมนติกครั้งแรกของเจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิตที่มีชื่อว่า คอนเสิร์ตคำภีร์เพลงรัก ณ ไบเทค บางนา ฮอลล์ 105 โดยพงษ์สิทธิ์ได้รวบรวมบทเพลงรักทุกสถานะมากล่อมใจให้แฟน ๆ พร้อมด้วยศิลปินแขกรับเชิญพิเศษที่มามอบความหวานอย่างสมบูรณ์แบบอย่าง ลิเดีย -ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา และแสตมป์ - อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ซึ่งในทุกแง่มุมของบทเพลงรักครั้งนี้ ได้ถูกหยิบมาเล่นร้องบนเวทีคอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งแรก เพื่อให้แฟนเพลงได้สัมผัสกับความเป็นเจ้าพ่อเพลงรักเพื่อชีวิตของพงษ์สิทธิ์ได้อย่างเต็มที่และสมบูรณ์แบบที่สุด

การเมือง

ในด้านความเห็นทางการเมือง แม้พงษ์สิทธิ์จะเคยขึ้นเวทีให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี พ.ศ. 2551 ก็ตาม แต่หลังจากนั้นพงษ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ร่วมการชุมนุมของกลุ่มการเมืองใดอีก ในอีกสองปีต่อมาพงษ์สิทธิ์ได้แต่งเพลง นครลิง ซึ่งมีเนื้อหาเสียดสีสถานการณ์การเมืองในขณะนั้น เพลงดังกล่าวได้รวมอยู่ในอัลบั้ม 25 ปี (มีหวัง) ในปี พ.ศ. 2555 ปัจจุบันพงษ์สิทธิ์ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใด ๆ

บทความที่ 2 สถานที่ชื่นชอบในบริเวณโรงเรียนยโสธรพิทยาคม

สถานที่ชื่นชอบในบริเวณโรงเรียนยโสธรพิทยาคม

                       คือ  โดมอเนกประสงค์  เพราะ  เป็นศูนย์รวมทุกอย่าง






บมความที่ 1 ประวัติส่วนตัว








ประวัติส่วนตัว






ชื่อ  นางสาวปิยากร  สุนาคราช

กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/10

เลขที่ 24

เกิดวันที่  6 กรกฎาคม 2540

ชอบสี  ชมพู

อาหารที่ชอบ  ส้มตำ